top of page
  • CR.บทความโดย พญ.สุพจี ศรีเกษ

มารู้จัก Q10 หรือ โคเอนไซม์ คิวเทน กัน


Co Q10 ของบริษัท Nature's Best จากประเทศอังกฤษ
 

ประโยชน์ของ Q10

โดย พญ.สุพจี ศรีเกษ

โคเอนไซม์ คิวเทน คืออะไร หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของสารชนิดหนึ่งที่ชื่อ โคเอนไซม์ คิวเทน ที่เรามักจะรู้จักกับสารนี้ที่มีอยู่ในส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ หรือชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว แต่ในทางการแพทย์นั้น โคเอนไซม์ คิวเทน มีอะไรที่มากกว่าการเป็นแค่ส่วนผสมของเครื่องสำอาง โคเอนไซม์ คิวเทน หรือ โคคิว 10 หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ยูบิควิโนน (Ubiquinone) เป็นสารคล้ายวิตามินที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการสร้างพลังงานพื้นฐานของเซลล์ อันจะส่งผลให้เนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ Q10 ที่ผลิตในร่างกายนี้ สังเคราะห์มาจากกรดอะมิโนที่ชื่อ ไทโรซีน (Tyrosine) และฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) โดยกรดอะมิโนทั้ง 2 ตัวนี้ จะสร้างส่วนวงแหวนควิโนน (Quinone Ring) ส่วนสายยาว (side chain) สร้างมาจากอะซีติลโคเอ (Acetyl CoA)โดยอาศัยกระบวนการในร่างกายหลายขั้นตอนร่วมกันกับวิตามิน 7 ชนิด คือ วิตามินบี 2 (Riboflavin) วิตามินบี 3 (Niacinamide) วิตามินบี 6 กรดโฟลิก (Folic Acid) วิตามินบี 12 วิตามินซี และกรดแพนโททีนิก (Pantothenic Acid)

  • ไทโรซีน (Tyrosine) ช่วยทำให้เซลล์แก่ช้าและควบคุมศูนย์กลางความรู้สึกหิวในไฮโปแธลลามัสส่วนใต้ของสมอง

  • ฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) ช่วยการทำงานของต่อมธัยรอยด์ให้กระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกาย เป็นฮอร์โมนที่ประกอบด้วยไอโอดีนทำให้รู้สึกสดชื่นตื่นตัว อารมณ์ดี ลดความซึมเศร้า ช่วยให้ความจำดีขึ้น ช่วยไม่ให้ผมหงอก และผิวแห้งตกกระ รวมทั้งป้องกันผิวหนังอักเสบจากการแพ้แสงแดด

มีรายงานเกี่ยวกับ Q10 ว่ามีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรค กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสิ่งสำคัญคือมีผลต่อการทำงานของระบบหัวใจ พบว่า Q10 ช่วยเพิ่มประสิทธิการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจอย่างชัดเจน จึงทำให้มีการจ่าย Q10 ให้กับผู้ป่วยโรคหัวใจอย่างมากมาย Q10 ทำงานอย่างไร Q10 ทำหน้าที่เกี่ยวกับการให้พลังงานแก่เซล ดังนั้นเซลที่ยังมีชีวิตก็จะมีความต้องการพลังงานเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ก็จะต้องการ Q10 เช่นกัน อีกทั้งเซลที่ต้องการพลังงานสูงก็จะต้องการ Q10 มากกว่าเซลที่ต้องการพลังงานน้อย จึงเป็นเหตุที่เราจะพบ Q10 มากในเซลหัวใจ ดังนั้นหากขาด Q10 ก็จะมีผลให้การทำงานในเซลผิดปกติ ส่งผลให้เซลตายได้

ประโยชน์ของ Q10

  1. โรคหัวใจและหลอดเลือด ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับปริมาณ คลอเลสเตอรอล ในเลือดสูงเกินไป จนทำให้ไปอุดตามหลอดเลือดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายไปบางส่วน ซึ่ง Q10 ช่วยแก้ปัญหาได้โดยไปยับยั้งไม่ให้ คลอเลสเตอรอล จับเป็นก้อนอุดตันเส้นเลือด ช่วยรักษาโรคหัวใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจล้มเหลวเนื่องจากเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ (congestive heart failure) ทั้งนี้ผู้ป่วย โรคหัวใจ ดังกล่าวจะมีแน้วโน้มที่จะสัมพันธ์กับการขาด Q10 ดังนั้นเมื่อผู้ป่วย โรคหัวใจ ได้รับ Q10 จึงทำให้หัวใจทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระคล้ายกับวิตามินอี Q10 จะทำหน้าที่ช่วยยับยั้งอุดตันของเส้นเลือดของ คลอเลสเตอรอล

  2. โรคอัลไซเมอร์ การรับ Q10 เข้าไปในร่างกายสามารถช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้เนื่องจากใน Q10 มี ฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) ช่วยการทำงานของต่อมไทรอยด์ให้กระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกาย เป็นฮอร์โมนที่ประกอบด้วย ไอโอดีนทำให้รู้สึกสดชื่นตื่นตัว อารมณ์ดี ลดความซึมเศร้า ช่วยให้ความจำดีขึ้น คุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระของ Q10 สามารถช่วยปกป้องการทำลายของอนุมูลอิสระในสมอง และโรคชรา จะเห็นได้ว่าหมอบางคนแนะนำให้กับผู้ป่วยที่อายุเกินกว่า 50 ปีขึ้นไปให้รับประทาน Q10 เพื่อที่จะช่วยอาการขี้หลงขี้ลืม และช่วยชลอการทำลายของเซลสมองอันเนื่องมาจากโรค อัลไซเมอร์ และโรคชรา แต่อาการจะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคนด้วย

  3. ลดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง Q10 เป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant) และเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง ดังนั้นจึงนำ Q10 มาใช้เป็นเครื่องสำอางสำหรับลดการเกิดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังจากแสงแดด (Photoaging)กล่าวคือ ผิวหนังจะมีหน้าที่ในการป้องกันสารพิษ เชื้อโรค และรังสีอุลตราไวโอเลต (Ultraviolet) จากแสงอาทิตย์ มีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของ Q10 ต่อการลดริ้วรอยว่าสามารถทำให้ความลึกของริ้วรอยลดลง ซึ่งหมายถึง ทำให้ริ้วรอยนั้นตื้นขึ้นได้ โดยให้กลุ่มทดลองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Q10 อยู่ 0.3% ทารอบดวงตาเป็นเวลานาน 6 เดือน พบว่า ความลึกของริ้วรอยลดลงถึง 27% รวมถึงช่วยในการเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

ขนาดรับประทาน ขนาดที่แนะนำคือ 30 มิลลิกรัมต่อวัน แต่สำหรับคนที่มีอาการโรคชรา หรือโรคอื่นๆ ควรรับประทานในขนาดมากขึ้นคือ 50–100 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อผลในการรักษาโรค ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพรวมถึงต้องการปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย และต้องการดูแลผิวพรรณให้ห่างไกลจากริ้วรอยและความหย่อนคล้อย จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีโคคิวเทน เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีได้ คงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ยาวนานขึ้นค่ะ

 

his is a higher potency CoQ10 for anyone who wants more of this amazing nutrient than just an insurance level provided by the 30mg strength. We now tend to recommend this 100mg strength to anyone taking statins, the cholesterol lowering medicines that have been shown to deplete the body of CoQ10. There has been a huge amount of research into CoQ10 over the years which we have followed closely as our Technical Director (now retired) was one of the original researchers that discovered CoQ10. So we were the first company to provide CoQ10 in vegetable oil base, as research showed that it was better absorbed like this, and from our knowledge of this fascinating nutrient we know that naturally sourced CoQ10 is the best. CoQ10 is found in the mitochondria of our cells, where glucose is converted in to the energy our body needs to power our metabolism and drive our muscles which is why the heart contains the highest concentrations of CoQ10. Natural CoQ10 in vegetable oil For easy absorption. One-a-day UK Made capsules Manufactured to pharmaceutical standards CoQ10 the ‘energy spark plug’ Involved in the release of energy from glucose. -

https://www.naturesbest.co.uk/co-q10-100mg-p729/

สนใจติดต่อสั่งซื้อ เผด็จ อานามวัฒน์ 0818611865 Id Line 0818611865 iMessage 0818611865

ขนาด 100 mg จำนวน 120 เม็ด/กล่อง ราคากล่องละ 1,000 บาท ค่าส่งฟรีทั่วประเทศ

RECENT POSTS:
SEARCH BY TAGS:
bottom of page