วัดพระนอน เป็นวัดที่เก่าแก่อีกวัดหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองเก่าของเมืองแพร่ ปัจจุบันที่ตั้งแห่งนี้เป็นชุมชนพระนอน ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ สร้างขึ้นโดยเจ้าพระยาชัยชนะสงคราม และพระนางเจ้าอู่ทองศรีพิมพา เมื่อ จ.ศ. 236 มีพระอุโบสถแบบเชียงแสนคือไม่มีหน้าต่างแต่ทำเป็นช่องรับแสงแทน ส่วนหน้าบันแกะสลักอย่างงดงามเป็นลายก้านขด มีภาพรามเกียรติ์ประกอบ ส่วนวิหารตกแต่งชายคาด้วยไม้ฉลุโดยรอบ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นยาว 9 เมตร ลงรักปิดทองตลอดองค์ แต่เดิมนั้นวัดนี้มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ คือพระนอน ซึ่งองค์จริงนั้นเป็นหินยาวขนาดหกศอก ต่อมาเจ้าปู่ท้าวคำซึ่งเป็นพระอัยกาของเจ้าพระยาชัยชนะสงคราม เห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงให้สร้างพระนอนองค์ใหญ่ ครอบองค์เดิมไว้และช่วยกันตกแต่งพระพุทธรูปนอน องค์ใหญ่ให้สวยงาม
วัดพระนอน เป็นวัดโบราณสถานที่มีอายุนับพันปี สร้างด้วยศิลปะแบบ ผสมผสานถึงสามยุค คือ เชียงแสน สุโขทัย และอยุธยาตอนปลาย วัดพระนอนสร้างโดย เจ้าพระยาชัยชนะสงคราม และพระนางเจ้าอู่ทองศรีพิมพา
เมื่อ จ.ศ. ๒๓๖ แต่เดิมนั้นวัดนี้ มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ คือพระนอน ซึ่งองค์จริงนั้นเป็นหินยาวขนาดหกศอกต่อมาเจ้าปู่ท้าวคำซึ่งเป็น พระอัยการของเจ้าชัยชนะสงคราม เห็นว่า ไม่ปลอดภัยจึงสั่งให้สร้างพระนอนองค์ใหญ่ ครอบองค์เดิมไว้ และช่วยกันตกแต่งพระพุทธ รูปนอนองค์ใหญ่ให้สวยงามพอดีมีกองทับพม่ามารุกรานเมือง โกศัยาวเมืองก็ตื่นกลัวพากันอพยพหลบหนี้ไปตามป่าเขาโดย ยังมิทันได้ฉลองพระพุทธรูปองค์นอน เจ้าพระยาชัยชนะ สงครามเห็นเหตุการณ์ ดังนั้น จึงตรัสสั่งมเหสีว่า "ดูกร เจ้าพิมพาศึกมาถึงบ้านเมืองความแตกตื่นย่อมมีดังนี้ขอ ให้สร้างให้เสร็จแล้วทำบุญวันรุ่งขึ้นของวันใหม่" แล้วเจ้าชัยชนะ สงครามก็ออกศึก และสวรรคตในสนามรบ น้องชาย ท้าวยาสิทธิ์ แสนหาญ ออกรบสู่พม่า ก็หาสาบสูญอีก พระนางพิมพาจึงได้ ลงมือสร้างวัดพระนอน เจดี์ขึ้น แล้วจารึกในแผ่นทองคำ เป็นตัวหนังสือ พื้นเมืองว่า วัดพระนอนนนี้ให้มีการนมัสการไหว้สาในเดือน เก้าเหนือ ขึ้นสสิบห้าค่ำ จึงเป็นงานนมัสการวัดพระนอน เมืองนครโกศัยไม่มีเจ้าปกครองได้ละทิ้ง วัดพระนอน เป็นวัดร้างเป็นเวลานานเท่าใดไม่ปรากฏ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นคลุมบริเวณวัด มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ชื่อว่าผักหละ(ชะอม) ขึ้นปกคลุมพระนอนเป็นเวลานาน จนกลายเป็นป่า ต่อมามีพ่อค้าต่างเมืองเดินทางมาค้างแรมบริเวณดังกล่าว เห็นผักหละขึ้นงามดีจึงนำไปทำอาหาร และได้พบเศษอิฐอยู่ทั่วไป พวกพ่อค้าจึงสงสัยว่าเป็นวัดร้าง และนำไปเล่าให้ชาวบ้านฟังชาวบ้านก็แตกตื่น ช่วยกันหักล้างถางพงพบต้นไม้ใหญ่ เป็นต้นมะม่วงขึ้นคลุมพระนอนคล้ายกับร่ม ชาวบ้านเกิดศรัทธา จึงช่วยกันบูรณะ ซ่อมแซมให้สวยงามและแข็งแรง และได้ตั้งชื่อเสียใหม่ว่าวัดม่วงคำ
ต่อมาพบแผ่นทองคำจารึกของพระนามพิมพาจึงได้รู้ว่าวัดม่วงคำ แต่เดิมชื่อ วัดพระนอน และสันนิฐานว่าวัดพระนอนนี้ ได้สร้างสำเร็จในเดือนเก้าเหนือขึ้นสิบห้าค่ำ ทั้งนี้โดยถือเอาคำจารึกในแผ่นทองคำเป็นหลักและพระ ประธานในวิหารใหญ่นั้นชื่อหลวงพ่อ มงคลทิพณี แต่ไม่ปรากฏหลักฐานในการสร้างแต่มีเพียงตัวหนังสือ เขียนไว้ว่าวัดพระนอนเป็นโบราณสถาน มีแต่นานเนื่องมาน่านับถือมีประวัติสืบเล่าเขาเลื่องลือ ว่าได้ชื่อพระนอนก่อนเก่ากาลอนุชนรุ่นหลังฟังไว้ ขอภูมิใจซึ่งคุณค่ามหาศาลมรดกตกทอดตลอดนาน อยู่คู่บ้านเมืองแพร่แต่นี้เทอญฯ
CR.ข้อมูลจากเวบ ท่องเที่ยวสะดุดตา